1.ตรวจสอบดอกยาง
ดอกยางเป็นตัวช่วยให้รถยึดเกาะถนน และยังช่วยรีดน้ำในเวลาที่ฝนตก ถนนลื่น ถ้าดอกยางเหลือน้อย มันจะทำให้รถยนต์สูญเสียการควบคุม โดยเฉพาะเมื่อเวลาเจอถนนลื่น
วิธีตรวจสอบร่องลึกของดอกยาง 

2.ตั้งศูนย์ และถ่วงล้อยาง
ถ้าหากการสึกของดอกยางไม่สมดุลกัน มันจะทำให้การขับขี่ไม่สมดุลในเวลาที่ขับรถยนต์เร็ว และมีปัญหาในการรับน้ำหนักของรถยนต์ จนอาจจะเป็นปัญหาใหญ่ได้ สละเวลาของคุณเพื่อ ตั้งศูนย์ สลับยาง ก่อนออกเดินทาง จะช่วยให้การเดินทางในครั้งนี้ราบรื่นยิ่งขึ้น

3.เตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินรถยนต์ให้พร้อม

ในที่นี้รวมไปถึง โทรศัพท์และที่ชาร์จแบตเตอรี่ อุปกรณ์ฉุกเฉินต่างๆ(ไฟฉาย ไขควง คีม และประแจ) และยางอะไหล่ อีกทั้งยังมีพลุ ชุดยา ถังดับเพลิง และ ป้ายต่างๆ ทุกอย่างควรเตรียมพร้อม เพื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

4.วิธีการซ่อมเมื่อยางแบน
ยางอะไหล่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดอันดับแรก และจะดีมากยิ่งขึ้น เมื่อรู้วิธีเปลี่ยน อ่านเพิ่มเติมที่นี่! นอกจากนั้นคุณจะต้องมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น แจ็ค ไขควง และประแจ

5.ตรวจสอบของเหลวทั้งหมดในรถยนต์

ตรวจสอบ น้ำมันรถ หม้อน้ำ น้ำมันเบรค และ ระดับน้ำฉีดกระจก ก่อนขับรถเพื่อไม่ให้เกิดเหตุขัดข้องระหว่างเดินทาง รวมไปถึงหยอดน้ำมันคลัทช์และน้ำมันที่พวงมาลัยพาวเวอร์

6.ตรวจสอบไฟและสัญญาณไฟทุกดวง
ทดสอบไฟ และสัญญาณไฟ คำแนะนำ: วิธีที่ง่ายและรวดเร็ว คือ ให้เพื่อนหนึ่งคน ช่วยดู ขณะที่คุณทดสอบไฟอยู่ในรถ หลังจากทดสอบเสร็จ ควรปิดไฟทุกดวง นอกจากนั้นถ้าพบปัญหา ควรซ่อมให้เสร็จสิ้นก่อนออกเดินทาง

7.ทำความสะอาดรถยนต์

อย่างน้อยที่สุด คือเช็ดกระจกรถยต์ เพื่อการมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตรวจสอบและเปลี่ยนยางที่ปัดน้ำฝน ถ้ารู้สึกว่ายางเสื่อมสภาพ สังเกตุได้จาก คุณปัดน้ำฝนแล้วรอยเปื้อนยังคงอยู่

8.ตรวจสอบแบตเตอรี่

เมื่อแบตเตอรี่หมดระหว่างการเดินทาง จำไว้ว่า วิธีที่ง่ายที่สุดคือ โทรตามรถพ่วงแบตเตอรี่ และไปที่ร้านขายแบตเตอรี่ที่ใกล้ที่สุดเพื่อเปลี่ยนใหม่

9.ออกไปตรวจเชคสภาพรถยนต์

ปกติควรตรวจเชค ปีละ 2 ครั้ง ถ้าปีนี้ยังไม่ตรวจเชคสภาพรถยนต์ หรือตรวจเชคแค่ 1 ครั้ง วันนี้ควรนำรถไปตรวจสอบสภาพที่ศูนย์บริการใกล้บ้านก่อนออกเดินทางท่องเที่ยว เพราะตามปกติ จะต้องมีการเปลี่ยน หัวเทียน หรือหยอดน้ำมันที่จุดต่างๆ นอกจากนั้น การตรวจเชคสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ ยังช่วยประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยมลพิษอีกด้วย